ปราสาทวัดพู : มรดกโลกแห่งลาวใต้ ที่ไม่ควรพลาด

ปราสาทวัดพู: มรดกโลกแห่งลาวใต้ ที่ไม่ควรพลาด
“ສະບາຍດີ” (สะบายดี) ขอต้อนรับทุกท่านสู่การเดินทางสำรวจปราสาทวัดพู มรดกโลกอันทรงคุณค่าแห่งที่สองของ ประเทศลาว ตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองจำปาสัก ดินแดนแห่งอารยธรรมโบราณที่รอคอยการมาเยือน

Agoda
ทำความรู้จักปราสาทวัดพู
ปราสาทวัดพู หรือวัดภู เป็นเทวสถานขอมโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจ มีลักษณะคล้ายกับปราสาทเขาพระวิหาร ตั้งอยู่บนเชิงเขาศิวบรรพต หรือภูเกล้า ซึ่งมียอดเขาลักษณะคล้ายศิวลึงค์ ชาวลาวเรียกศิวลึงค์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้ว่า “สวยัมภูวลึงค์” ด้วยเหตุนี้เอง ภูเกล้าจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของเทวาลัยแห่งนี้ ปราสาทวัดพูมีฐานะเป็นถึงอารามหลวงในสมัยนั้น สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยพระเจ้ามเหนทรวรมัน โดยพระยากัมมะธา ถือเป็นปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุด สร้างก่อนปราสาทเขาพระวิหารและปราสาทหินพนมรุ้ง แต่คาดว่าผู้สร้างน่าจะอยู่ในราชวงศ์เดียวกันและสืบเชื้อสายต่อ ๆ กันมา

การเดินทางสู่ปราสาทวัดพู
ปราสาทวัดพูตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทางด้วยรถบัสขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงตัวปราสาทได้ ต้องเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เมื่อเดินทางถึงวัดพู บริเวณด้านหน้าจะมีร้านค้าของชาวบ้านจำหน่ายสินค้าเล็กน้อย จากนั้นจะเป็นจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชม (ภาษาลาวเรียกว่า “ปี้”) หลังจากผ่านประตูทางเข้า ยังต้องนั่งรถรางต่อไปอีกประมาณ 5 นาที ระหว่างทางจะมีพิพิธภัณฑ์ของปราสาทวัดพู แต่ในวันที่ผู้เขียนเดินทางไป พิพิธภัณฑ์ปิดทำการ

การสำรวจภายในปราสาทวัดพู
การเดินชมปราสาทวัดพูต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกล และอากาศค่อนข้างร้อน ควรเตรียมหมวก ร่ม แว่นกันแดด และน้ำดื่มให้พร้อมสิ่งแรกที่ได้พบคือทางเดินที่มีเสานางเรียงขนาบข้าง นำไปสู่พลับพลาขนาดใหญ่ 2 หลัง ที่มีต้นตาล 2 ต้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง พลับพลาทั้งสองหลังนี้คาดว่าเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับกษัตริย์ ก่อนขึ้นไปประกอบพิธีโสมสูตบนปราสาท
เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จะผ่านโคปุระ (ซุ้มประตู) ชั้นต่าง ๆ ที่พังทลายลงมา แสดงถึงการแบ่งชั้นของปราสาท ในบางชั้นมีร่องรอยการสร้างปรางค์อิฐองค์เล็ก ๆ จำนวนมาก หากปราสาทแห่งนี้ยังคงสมบูรณ์ จะได้เห็นหน้าบันและทับหลังที่สวยงามและยิ่งใหญ่
บันไดหินที่นำไปสู่ปราสาทหลังประธานมีซุ้มต้นจำปาขนาดใหญ่เป็นจุดพักเหนื่อย สามารถหยุดพักและชมวิวได้จากจุดนี้ปราสาทหลังประธานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อาคารหินทรายส่วนหน้าเรียกว่า “มณฑป” สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 17 มีการสลักภาพเล่าเรื่องและภาพบุคคลต่าง ๆ ตามศิลปะเขมร ด้านในสุดของมณฑปเป็นห้องประดิษฐานพระพุทธรูปที่ชาวลาวสร้างขึ้นในสมัยหลัง
ด้านหลังมณฑปเป็นอาคารก่ออิฐแบบโบราณ หรือ “ปราสาทประธาน” ในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ “ภัทเรศวร” ที่กษัตริย์กัมพูชาเคารพนับถือ แต่ปัจจุบันไม่มีศิวลึงค์เหลืออยู่แล้ว จากตัวปราสาท เดินไปทางซ้ายมือจะมีทางเดินไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ “น้ำเที่ยง” ที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผาเพิงหินด้านหลังปราสาทประธาน ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลาวเชื่อว่าไหลมาจากยอดภูเกล้า
บริเวณโขดหินด้านหลังปราสาทประธานทางทิศเหนือ มีรูปแกะสลักนูนสูงของ “ตรีมูรติ” หรือเทพเจ้า 3 องค์ในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระศิวะ พระพรหม และพระนารายณ์ การที่สลักรูปพระศิวะไว้ตรงกลาง บ่งบอกว่าปราสาทวัดพูเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่
คุณค่าและความสำคัญของปราสาทวัดพู
แม้ปราสาทวัดพูจะเก่าแก่และปรักหักพังตามกาลเวลา แต่คุณค่าของโบราณสถานแห่งนี้ในฐานะจุดกำเนิดอารยธรรมกัมพูชาสมัยเจนละ และศูนย์รวมความศรัทธาของชาวลาว ก็ยิ่งใหญ่สมควรแก่การมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อเป็นสิริมงคลและทำความเข้าใจวิถีศรัทธาของประเทศเพื่อนบ้าน
ปราสาทวัดพูแห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่มีความงดงาม และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และเป็นสถานที่ ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม เป็นอย่างยิ่ง. ทางเว็บ เที่ยวทั่วไทย ขอเสนอให้ทุดท่านลองได้ไปดูสักครั้ง