ร้อนนี้ต้องรู้! เคล็ดลับ ‘ ประหยัดไฟคลายร้อน ‘ รับซัมเมอร์ 2568 (2025)
สวัสดีครับ ทุกคน! หน้าร้อนของประเทศไทยปี 2568 (2025) ก็มาถึงแล้ว พร้อมกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประจำ สิ่งที่มาคู่กันกับความร้อนอบอ้าวก็คือ “ค่าไฟ” ที่มักจะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็นอย่างเครื่องปรับอากาศและพัดลมที่เพิ่มมากขึ้น วันนี้ เที่ยวทั่วไทย มี เคล็ดลับ ประหยัดไฟคลายร้อน
แต่ไม่ต้องกังวลครับ! การรับมือกับความร้อนและค่าไฟที่สูงขึ้นไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีเคล็ดลับดีๆ ในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที เพื่อคลายร้อนพร้อมประหยัดไฟในหน้าร้อนปี 2568 นี้ครับ/ค่ะ
ทำไมหน้าร้อนค่าไฟถึงแพงขึ้น?
สาเหตุหลักมาจากเราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็นนานขึ้นและหนักขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็น “ตัวกินไฟ” อันดับต้นๆ ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่ เครื่องปรับอากาศก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิในห้อง ทำให้ใช้พลังงานมากขึ้นตามไปด้วย

เคล็ดลับ ‘ ประหยัดไฟคลายร้อน ‘ ปี 2568 ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน
- ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-26 องศาเซลเซียส: นี่คืออุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการประหยัดพลังงาน ทุกๆ 1 องศาเซลเซียสที่ลดลง จะทำให้เครื่องปรับอากาศใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 10% การตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเปิดพัดลม จะช่วยให้รู้สึกสบายตัว และยังประหยัดไฟได้มหาศาล
- ใช้พัดลมควบคู่กับเครื่องปรับอากาศ: เปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นสบายเร็วขึ้น และสามารถตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นได้อีกเล็กน้อย นอกจากนี้ หากวันไหนอากาศไม่ร้อนจัด ลองใช้แค่พัดลมเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
- ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเครื่องปรับอากาศสม่ำเสมอ: แผ่นกรองที่สกปรกจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น เปลืองไฟ และยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ควรล้างแผ่นกรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ: ป้องกันความเย็นรั่วไหลออก และความร้อนจากภายนอกเข้ามา ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา
- หลีกเลี่ยงการนำของร้อนเข้าตู้เย็น: การนำอาหารหรือเครื่องดื่มที่ยังร้อนเข้าตู้เย็น จะทำให้ตู้เย็นต้องใช้พลังงานมากเป็นพิเศษในการทำความเย็น ควรทิ้งไว้ให้คลายร้อนก่อน
- ตรวจสอบขอบยางประตูตู้เย็น: ขอบยางที่เสื่อมสภาพจะทำให้ความเย็นรั่วไหลออก ตู้เย็นจึงต้องทำงานหนักขึ้น ควรทดสอบง่ายๆ โดยใช้กระดาษคั่นแล้วปิดประตู หากดึงกระดาษออกง่าย แสดงว่าขอบยางเสื่อมสภาพแล้ว
- ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน และเลือกใช้หลอดไฟ LED: ปิดไฟทุกครั้งที่ออกจากห้อง และเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ซึ่งประหยัดพลังงานกว่าหลอดไฟแบบเก่าหลายเท่า และยังให้ความร้อนน้อยกว่าด้วย
- ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน: เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงกินไฟอยู่แม้จะปิดสวิตช์แล้ว (Phantom Power) เช่น หม้อแปลงโทรศัพท์ ทีวี คอมพิวเตอร์ การถอดปลั๊กออกช่วยลดการใช้พลังงานส่วนนี้ได้
- ลดแหล่งกำเนิดความร้อนภายในบ้าน: หลีกเลี่ยงการใช้เตาอบ เตาไฟฟ้า หรือเตารีด ในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะยิ่งเพิ่มความร้อนสะสมภายในบ้าน
- ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา: การปลูกต้นไม้รอบบ้านช่วยบังแดด ลดความร้อนที่เข้ามาในตัวอาคาร ทำให้บ้านเย็นขึ้นตามธรรมชาติ
ประโยชน์ของการประหยัดไฟ ไม่ใช่แค่ลดค่าใช้จ่าย
- ลดค่าไฟฟ้า: อันนี้เห็นผลชัดเจนที่สุด เงินในกระเป๋าไม่รั่วไหลไปกับค่าไฟที่พุ่งสูง
- ยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า: เมื่อใช้งานอย่างถูกวิธีและมีการบำรุงรักษา เครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะอยู่กับเราไปนานขึ้น
- ช่วยชาติประหยัดพลังงาน: การลดการใช้ไฟฟ้าของเราทุกคน มีผลต่อภาพรวมในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศ
- รักษาสิ่งแวดล้อม: การผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้ไฟน้อยลงหมายถึงการปล่อยมลพิษน้อยลงด้วย
หน้าร้อนปี 2568 นี้ มาเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้ากันตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราสามารถคลายร้อนได้อย่างสบายใจ กระเป๋าไม่ฉีก และยังได้มีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานเพื่อตัวเราเองและเพื่อส่วนรวม